วันอังคารที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

The Hunger Games [Kindle Edition]


Now in paperback, the book no one can stop talking about . . .In the ruins of a place once known as North America lies the nation of Panem, a shining Capitol surrounded by twelve outlying districts. The Capitol is harsh and cruel and keeps the districts in line by forcing them all to send one boy and one girl between the ages of twelve and eighteen to participate in the annual Hunger Games, a fight to the death on live TV. Sixteen-year-old Katniss Everdeen, who lives alone with her mother and younger sister, regards it as a death sentence when she is forced to represent her district in the Games. But Katniss has been close to dead (cont'd)

get buy The Hunger Games


books store


วันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

Elle (1-year auto renewal)





Special Offers and Product Promotions

Special Offer: For a limited time, $5.00 has been deducted from this subscription’s regular price.
Product Description

Elle is the world's largest fashion magazine edited for woman with a style - and a mind - of her own. Features include lifestyle, culture, entertainment, politics, music, theater and the arts.
Marie Claire (1-year auto-renewal)




Product Description

Marie Claire offers solutions for the woman whose time constraints demand one resource to respond to diverse aspects of her life. From global and cultural issues to fashion and beauty coverage, Marie Claire is for the woman of substance with an eye for style.

วันจันทร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2555

Idol ตอนเด็ก

หลายคน ถ้านึกย้อนหลังไปในตอนเด็ก คงไม่มีใครที่จะปฏิเสธว่า ไม่เคยมีไอดอลในดวงใจ มันต้องมีอย่างน้อยคนนึงแหละ อาจจะเป็นนักร้อง นักแสดง นักดนตรี หรือว่าอะไรก็แล้วแต่
ผมก็เหมือนกันครับ ย้อนกลับไปคิดดูแล้ว ผมก็มีไอดอลในดวงใจเหมือนกันครับ และแน่นอนว่า อาจจะไปตรงกับใครหลายๆคนที่ได้อ่าน นั่นก็คือ สองหนุ่มเด็กน้อยนักร้องคู่ดูโอ้ "แร็พเตอร์" นั่นเอง นึกย้อนไปในตอนเด็ก อัลบัมแรกของพวกเขา ผมก็ยังไม่ค่อยรู้จักดีนัก เพราะตอนนั้นเด็กมากครับ แต่ก็ได้ยินเพลงของพวกเขาบ้าง ก็เช่น เพลงฮิตที่มีท่อนร้องว่า "คิดเอาไว้ว่าใช่ ต้องใช่แน่ๆ" เพลง คิดถึงเธอครับ ก็ฮัมเพลงนี้ได้ ก็รู้จักในนามของแรพเตอร์แล้ว แต่ไม่ได้คิดว่าพวกเขาดังอะไรมากมาย แต่ในความเป็นจริงแล้ว พวกเขาดังมาก จนขนาดว่าต้นสังกัดสั่งเพิ่มอัลบัมและเปลี่ยนปกเทปใหม่ให้ด้วย พอโตมา ก้อเลยทำให้ทั้ง 2 คนนั้นได้มีอัลบั้มชุดที่ 2 ออกมาให้เราได้ฟังกันและอัลบั้มชุดนั้นมีชื่อว่า Waab boys นั่นเอง อัลบัมนี้ก็ทำให้ผมคลั่งใคล้ครับ เพราะเข้าประถมแล้ว เริ่มโต เห็นสองคนนี้เท่ห์มาก ความคิดบังเกิดเลยครับว่า 2 คนนี้แหละ ไอดอลตัวจริง ชุดนี้ทำให้ผมซื้อเทปครั้งแรกครับ เอามาฟังในรถพ่อ ฟังมันอยู่นั่นแหละ เพลงสนุกครับ ชุดนี้ก้อยังคง concept การร้อง rap ไว้เหมือนเดิม อาจมีร้อง rap ผสมบ้างเล็กน้อยและเน้นในเรื่องของการร้องเพลงตามทำนองเพลงให้มากขึ้น ส่วนแนวดนตรีก้อมีความเป็น Pop Dance มากขึ้น ชุดนี้มีความดังมาก มีเพลงที่ดังมากที่สุดเลยก้อคือเพลง อย่าพูดเลย จอนนี่เป็นพระเอกเอ็มวี อย่างเทห์ครับ (ความคิดในตอนนั้น) ชุดนี้ การแต่งตัวของทั้งสองคน สะดุดตามากครับ เสื้อผ้าสีสันแวววับ สดใสมาก ทำให้ผมอยากแต่งแบบนั้น ร้องขอให้แม่ซื้อเสื้อผ้าให้ แต่ก็ไม่ได้ครับ อิอิ เพราะใครเขาจะทำขายกันล่ะแบบนี้ เมื่อก่อนไม่รู้ครับ เพราะบ้านนอกอย่างผม ตลาดนัด แม่ค้าเค้าไม่เอามาขายครับ แต่เด็กอย่างผมรับทุกอย่างครับ ถ้ามีคนน่าสนใจเข้ามา แต่แร็พเตอร์จะติดตามเป็นพิเศษ หลังจากอัลบัมนี้ พวกเขาก็ได้ เข้าร่วมโปรเจค Super Teen ที่มีนักร้องในสังกัด RS มากมายร่วมด้วย ตั้ง 13 คนครับ ผมก็ซื้อเทปชุดนี้เหมือนกัน แต่จำไม่ได้ว่ามีใครบ้าง ต้องขออภัยด้วย ไม่นานนักทั้ง 2 คนก้อได้ออกอัลบั้มชุดใหม่ออกมาซึ่งมีชื่อว่า Day Shock อัลบัมนี้ทั้งสองก็ร้องเพลงชัดขึ้นครับ อิอิ ก่อนหน้านั้นไม่ชัดเท่าไหร่ เพราะเป็นเด็กลูกครึ่ง และตอนที่ร้องเพลงก็ยังเด็กมากครับในสมัยนั้น หลังจากอัลบัมนี้ผมก็ไม่ได้ซื้อเทปแล้วครับ เพราะเริ่มเรียนหนักเลยไม่ค่อยได้ติดตามเท่าไหร่ แต่ก็ยังฟังเพลงพวกเขา และรู้ข่าวสารของพวกเขาตลอด ผ่านทางทีวี แล้วพวกเขาก็มาโด่งดังอีกครั้ง ในอัลบัม The Next และเพลงที่พวกเขาร้องนั้น ไม่มีใครที่ไม่รู้จักเพลงนี้ เพราะดังทั่วประเทศครับ กับท่อนที่ร้องว่า "ไม่เอานะเกรงจายยย ไม่ดีหรอกเกรงจายยย" ดังมาจนปัจจุบันนี้เลยครับ และแล้วพวกเขาก็ได้แยกย้ายกัน พูดง่ายๆคือปิดฉากแร็พเตอร์นี่แหละครับ ด้วยเหตุผลที่ว่า ทั้งคู่ทำงานหนักตั้งแต่เด็ก ไม่มีเวลาเหมือนเด็กทั่วไปที่เขาได้เล่นอย่างมีความสุขกัน พวกเขาอยู่กับงานทุกวัน เพื่อจะได้มีผลงานให้กับประชาชนที่ชื่นชอบพวกเขา ดังนั้นพวกเขาเลยคิดว่า ถึงเวลาแล้วแหละที่จะต้องกลับมาใช้ชีวิตให้เป็นปกติเหมือนคนทั่วไปบ้าง ไปเรียน ไปเล่น เหมือนคนอื่นๆเขาบ้าง ซึ่งก็ได้ปิดฉากไปกับอัลบัมที่ชื่อว่า "ซาโยนาระ" แฟนคลับนี่ร้องไห้กันทั้งประเทศ แต่ผมไม่ได้ร้องไห้ครับ เพราะตอนนั้นได้เปลี่ยนแนวไปเป็น ROCK แล้วในตอนนั้นไปฟัง ไฮร็อคแล้วครับ แต่หลังจากที่ยุบวงแร็พเตอร์ไปแล้ว ก็ยังเห็นทำอัลบัมเดี่ยวกันอีกคนละ 2-3 ชุด (ไหนบอกจะไปใช้ชีวิตที่เรียบง่าย ปกติไง) ครับครั้งหนึ่งพวกเขาก็ได้เป็นไอดอลวัยรุ่นของผม และของท่านผู้อ่าล่ะครับเป็นใครกันบ้าง

สรุปผลงานในนามของแร็พเตอร์นะครับ
อัลบัม แรก Raptor (พ.ศ. 2537)
อัลบัม สอง Waab Boys (พ.ศ. 2539)
อัลบัม สาม Day Shock (พ.ศ. 2539)
อัลบัม สี่ Goodbye (พ.ศ. 2541)
อัลบัม ห้า The Memory (พ.ศ. 2541)

และอัลบัมพิเศษ ก็มี RS Super Teens และ The Next project

และเมื่อไม่นานมานี้พวกเขาก็ได้มีคอนเสิร์ตใหญ่ ชื่อว่า RAPTOR 2011 The Concert ซึ่งจากความต้องการของแฟนๆที่กล่าวถึงพวกเขาในเว็บไซต์ pantip นั้นก็ทำให้ RS จัดคอนเสิร์ตใหญ่ให้พวกเขา ซึ่งทำการแสดงในวันที่ 1-2 ตุลาคม 2011 ที่ผ่านมา กระแสตอบรับดีมาก บัตรขายหมดภายในครึ่งชั่วโมงครับ ของเค้าดีจริงๆครับ สะท้อนให้เห็นว่า วัยรุ่นในยุคสมัยนั้นเมื่อ สิบกว่าปีที่แล้ว ได้มีพวกเขา "Raptor" เป็นไอดอลของพวกเขา ในสมัยนั้นเช่นเดียวกับผม

และก็ได้ยินมาแว่วๆว่า พวกเขาจะกลับมาตามคำเรียกร้องของแฟนเพลงอีกครั้ง ในคอนเสิร์ตใหญ่ Raptor 2012 encore concert ในวันที่ 21 เมษายน 2012 ซึ่งใครที่อยากรู้ข่าวสารของพวกเขา ก็ติดตามดูได้ครับ

วันศุกร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2555

มาแล้วครับ

ในช่วงปลายปี 2011 ขึ้นต้นปี 2012 นี้ก็มีหลายต่อหลายวงดังที่ทะยอยกันออกอัลบัมใหม่กัน ในหลากหลายแนวเพลง ก็แล้วแต่จะเลือกฟังกันเอานะครับ ชอบแนวไหนก็ฟังแนวนั้น ไม่ว่าจะเดี่ยว หรือเป็นหมู่คณะ ก็สดับรับฟังกันให้หนำใจ

ส่วนสำหรับผม ในช่วงนี้ ก็ขอยกให้อัลบัมใหม่ของวงนี้เลยครับ Dream Theater หรือโรงละครในฝัน ^^ ไม่ใช่ Old Trafford นะครับ อย่าเข้าใจผิด

ก็สำหรับวงนี้ก็ได้ห่างหายไปพักใหญ่เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงสมาชิกในวง จากที่มือกลองเทพของเรา Mike Portnoy นั้นเกิดอาการอยากพักผ่อนขึ้นมา จากการทัวร์แสดงคอนเสิร์ตที่ยาวนาน แต่ทางวงมีความเห็นว่า
"นี่นายไมค์ ชั้นว่าจะ เีราควรจะทำมหากาพย์เพลงของเราต่อน่ะ เพื่อความต่อเนื่องของศรัทธาจากแฟนเพลง"
ซึ่งไมค์เหนื่อยล้าอยากพัก จึงมีความเห็นไม่ตรงกับทางวง จึงตัดสินใจออกจากวง แต่ถึงกระนั้น สมาชิกในวงก็ยังไม่หยุดเท่านี้ จึงทำการ Audition หามือกลองคนใหม่มาแทน จนได้ Mike Mangini เข้ามาในอัลบัมใหม่นี้ (หรือว่าทางวงยังคิดถึงไมค์อยู่ คนใหม่จึงมีชื่อไมค์เหมือนกัน)

ส่วน Mike Portnoy ต่อมา เริ่มคิดถึงเสียงดนตรี จึงอยากกลับไปเล่นดนตรีอีกครับ เอาล่ะสิ Dream Theater ก็ได้สมาชิกใหม่แล้ว T T เอาไงดีทีนี้ ไมค์ก็หันไปรับจ๊อบกับวงดนตรีที่ยังขาดมือกลอง อย่าง A7X หรือ Avenged sevenfold ที่มือกลอง The Rev ได้เสียชีวิตลงเนื่องจากรับยาเข้าร่างกายเกินขนาด ก็ได้ไปตีกลองให้ทาง A7X ในอัลบัมใหม่ของพวกเขาที่ชื่อว่า Nightmare ส่วนตอนนี้ก็ไปอยู่วงใหม่แล้วครับชื่อว่า Adrenaline Mob ซึ่งหนึ่งในวงนี้มีมือกีต้าร์ที่ผมชื่นชอบใน youtobe อยู่คนนึง ชื่อว่า Mike Orlando ลีลานี่พริ้วไหวดีมาก สำเนียงไพเราะดีครับ

ส่วนทาง Dream Theater เมื่อปลายปี 2011 ก็ได้ออกอัลบัมใหม่ชื่อว่า "A Dramatic Turn of Events" ได้ปล่อยซิงเกิ้ล On the Backs of Angels ออกมาโดยมีกำหนดวางจำหน่าย 13 กันยายน ปี 2011 เอาล่ะสิ แฟนเพลงดีใจกันยกใหญ่

ส่วนแฟนเพลงในประเทศไทยนั้น ก็แว่วๆว่าจะมีข่าวดี ผมได้ยินข่าวมาจากพี่ต้น December ซึ่งพี่ต้นบอกว่า
"หลังจากคิดอยู่หลายตลบ..พี่หล้า เจ้าของหนังสือโอเวอร์ไดร์ฟก็ตัดสินใวางเงินมัดจำสำหรับคอนเสิร์ต Dream Theater Live In Bangkok อีกครั้งจนได้ ในวันที่ 8 พฤษภาคมนี้ ทุกอย่างนี้ทำเพื่อแฟนเพลงดรีม เธียเตอร์ จริงๆครับ ถึงแม้ราคาค่าตัวจะมาแพงกว่าครั้งก่อนๆก็ตาม แต่ก็เพื่อคนที่อยากดูจริงๆจะได้สมใจกันครับ เตรียมตัวกันไว้นะครับผม เพิ่งโอนเงินมัดจำไปเมื่อกี้นี้เองครับผม : 29 Feb 2012 "
สำหรับใครๆที่ชื่นชอบวงนี้ก็เตรียมฟังข่าวดีกันได้เลยนะครับ เก็บตังไว้ซื้อบัตรกันได้เลย \m/



แล้วก็เป็นไปตามข่าวลือจริงๆครับ เมื่อทาง PGM ออกมาแถลงข่าวว่า Dream theater จะแสดงคอนเสิร์ต ในวันที่ 8 พฤษภาคมนี้ ใครสนใจไปดูก็สามารถซื้อตั๋วได้ที่ thaiticketmajor ตั๋วราคา 1500 บาท หรือสั่งจองได้ที่ www.thaiticketmajor.com เริ่มขายบัตร วันที่ 11 มีนาคม 2555

วันพุธที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เรื่องเก่าเล่าใหม่

ช่วงนี้อารมขึ้นๆลงๆ จิตใจไม่นิ่ง ไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไหร่ หาสารพัดวิธีมาแก้ไข มันก็ช่างยากเสียเหลือเกิน
ู^
^
จึงจัดท่าทางการนอนในท่าที่สบายที่สุด นอนฟังเพลงซะเลย มันคงเป็นวิธีที่เหมาะสมกับอารมนี้ที่สุดแล้ว เพลงช้า เพลงเร็ว เพลงเพื่อชีวิต จนสุดท้ายมาลงตัวที่เพลงร็อค (อิอิ ก็เรามันคอร็อคนี่นา) ฟังมันไปทุกเพลงนี่แหละ สุ่มเล่นเพลงเอา มาสะดุดที่เพลง อมพระมาพูด ของศิลปิน เบิร์ด+เสก

อ๊ะ!!! พี่เสกไอดอลของเราๆ ผู้ที่ชอบ Rock 'n Roll ที่เพิ่งมีข่าวที่โด่งดังไปทั้งประเทศนี่เอง ท่อนฮุคของเพลงดังขึ้นมา
"อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ...."
โอ้วมันช่างกินใจเหลือเกิน แต่นึกถึงรูปภาพหลุดที่ภรรยาของพี่เสกเอามาโพสไว้ในเฟสบุ๊คแล้ว นึกถึงท่อนฮุคของเพลงประกอบกับภาพหลุด
"พี่เสกเล่นอมบ้อง แถมไม่พูดไม่จา"
เชื่อสนิทใจเลยครับ สเก็ตชัดๆ หลังจากนั้นวันเดียวก็มีเสียงวิจารณ์กันยกใหญ่ ซึ่งจากที่ผมสังเกตเห็นนะครับ ก็จะมีกลุ่มที่วิจารณ์กันหลายพวกเหมือนกันครับ

กลุ่มแรกเลยครับ กลุ่มประชาชนคนชอบเม้าเรื่องราวชาวบ้าน สวดยับครับ พี่เสกคงตาลอย และจามไปด้วยในเวลาเดียวกัน ก็ได้พูดถึงความไม่เหมาะสมของศิลปินที่เป็นตัวอย่างของเยาวชน ซึ่งคนของประชาชนมีข่าวเกี่ยวกับยาเสพติดแล้วนั้นก็ส่วนมากก็ดับไปตามๆกัน จากตัวอย่างที่มีให้เห็นกันก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะ ทัช ณ ตะกั่วทุ่ง, ต๊ะ บอยสเก๊า, จ๊อยส์ ไทรอัม คิงดอม, แพท พาวเวอร์แพท เป็นต้น เหล่านี้ดับไปแล้วทั้งนั้น บ้างก็ยังไม่ออกจากคุกเลย พวกคนกลุ่มประชาชนคนชอบเม้าเรื่องราวชาวบ้าน บ้างก็ออกมาพูดว่า เสียดายเพลงของเสก ถึงจะเพราะมาก แต่จากนี้ จะไม่ฟังอีกแล้ว บ้างก็บอกว่า จะเผาเทป ซีดี ให้หมดเลย บ้างก็ผิดหวังที่ให้การสนับสนุนที่ผ่านมา

กลุ่มที่สองครับ ไม่พลาดแน่นอนครับ กลุ่มแฟนคลับสิครับ อยากจะบอกว่า แฟนคลับของพี่เสกนั้น มากมายมหาศาลเลยทีเดียว ถึงแม้จะไม่มีแกรมมี่ แต่ก็สามารถที่จะทำให้พี่เสกของเรานั้น มีกินมีใช้ได้ตลอด จากการที่กลุ่มแฟนคลับของเค้ายังให้การสนับสนุนอยู่ พร้อมทั้งยังช่วยกันแถสีข้าง (ถ้าเจ็บก็บอกน่ะ จะซื้อยาไปทาให้) แก้ต่างให้กับพี่เสกกันยกใหญ่ ก็บอกมาว่า โอ้วจ๊อจทั้งหลาย พี่เสกเค้าเป็นศิลปิน เค้าเป็น Rock 'n Roll เค้าก็ต้องหาแรงบรรดาลใจเพื่อที่จะเอามาคิดทำเพลงให้พวกคุณๆได้เสพเพลงกันต่อไป ^ ^ บ้างก็บอก ถึงแม้ว่าพี่เสกจะเป็นยังไง เค้าก็ยังจะเป็นสาวกของพี่เสกต่อไป>>> LOSO FC ยังคงอยู่

กลุ่มที่สามครับ กลุ่มศิลปินคนดนตรีด้วยกัน ผมก็ไม่ทันข่าวของกลุ่มนี้สักเท่าไหร่ แต่เท่าที่เห็นก็มี นาวินต้า ก็ออกมาโพสว่า
"คนติดยาเสพติดไม่ใช่คนเลว แต่เป็นคนป่วย จึงควรให้ความเมตตา ส่วนคนเลวคือคนที่ขาย"
พี่ดี้ นิติพงษ์ นักแต่งเพลงที่ต้องใช้ความคิดและสมาธิ โพสว่า
"โอ้ว แต่ก่อนก็เคยเล่นอยู่นา ร็อคแอนด์โรลเนี่ย ก็มีคนมาถามว่าติดยามั้ย ยาอะไร ก็มีแต่ ยาดม ยาหม่อง ยาหยอดตา และยาหยี ก็เท่านั้น ไม่เห็นต้องพึ่งยาเสพติดเลย"
ส่วนโต๋ ศักสิทธิ์ คนนี้โดนแฟนคลับ สวดยับเลยครับ ออกมาวิจารณ์เด็ดขาดเลยทีเดียว
"ดนตรีและยาเสพติดไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน เล่นดนตรีก็เป็นนักดนตรี เล่นยาก็เป็นคนติดยา เล่นสองอย่างก็เป็นนักดนตรีที่ติดยาได้โปรดอย่าเหมารวม"
นั่นน่ะสิครับ ผมว่าโต๋พูดถูกน่ะ และอีกหลายๆคนที่ออกมาวิจารณ์ในเชิงไม่เห็นด้วยกับพี่เสก ไม่ว่าจะเป็นพี่หนึ่ง วินัย, พี่โอปอล, นัททิว AF , เป้ วิทริโอ หรือแม้กระทั้ง บร๊ะเจ้าโจ๊ก ของเราที่มีพี่เสก โลโซ เป็นไอดอลตั้งแต่เริ่มก่อตั้งวงขึ้นมา พยายามที่จะทำเพลงให้มีกลิ่นไอของโลโซ จนกระทั่งตอนนี้สถาปนาตัวเองเป็นบร๊ะเจ้า มีสาวกมากมาย พร้อมที่จะชาบู ชาบู ทุกเมื่อ ก็ยังออกมาสวดศาสดาของตัวเอง ว่า
"ศิลปินต้องอัพยาเวลาสร้างสรรค์ผลงานเหรอ อ่า ศิลปินที่เค้าอัพยา เพราะเค้าติดยาคับ"
สวดนี้ได้ใจไปเต็มๆ

กลุ่มที่สี่ครับ คือคนดนตรีเช่นเดียวกัน จำพวกนักดนตรี ผู้ที่เล่นดนตรี ผู้ที่ชอบดนตรี ตามเว็บบอร์ดต่างๆ ก็มีความคิดเห็นที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของพี่เสก ถึงแม้ว่าจะเป็นไอดอลของหลายๆคนก็ตาม ความคิดเห็นของแต่ละคน ส่วนมากก็จะออกมาวิจารณ์ที่ว่า ไม่จำเป็นต้องเล่นยา ก็เป็นศิลปินได้ น่ะพี่เสกน่ะ
เค้าเป็นศิลปินดังครับ เงินทองเข้ามาชื่อเสียงเข้ามา บางทีก็อาจจะมีหลงระเริงไปครับ ด้วยที่ว่าทุกคนยังมีความเป็นคน ยังมีกิเลส (ผมก็มีครับกิเลส อาจจะเยอะกว่าพี่เสกด้วยมั้ง) ก็เอาเป็นว่าในผลงานเพลงที่ไพเราะ ก็สนับสนุนต่อไปละกัน ส่วนที่ดีๆของเค้าก็ยังมีมากมาย ก็เอามาปรับใช้กับชีวิตของตัวเองก็แล้วกัน ส่วนที่ไม่ดี ไม่ดี ก็อย่าเอามา ทิ้งไปซะ อย่าเอามาเป็นตัวอย่าง ก็เลือกแนวทางกันเอาละกัน

สุดท้ายนี้ก็อยากบอกว่า การให้อภัยกันนั้น เป็นสิ่งที่ดีที่สุด รักกันไว้เถิดคนไทยทั้งหลาย \m/ ชาวร็อค จงเจริญ

วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

Review : Multi Effect guitar ZOOM G2.1u

วันนี้ว่างๆ จับกีต้าร์มานั่งเล่น ต่อกับเอฟเฟคคู่ใจที่มีเพียงอันเดียว เอามาฝึกเพลง ten words ของมือกีตาร์ระดับโลก Joe Satriani




ซึ่งเมื่อเล่นแล้ว เพลงเค้าเสียหมดเลย ^ ^ ก็ฝึกไปแบบงูๆปลาๆ เพราะว่าชอบ ไม่ได้จะไปเป็นศิลปินอะไรครับ เพราะชอบล้วนๆ อารมล้วนๆ แต่เพลงนี้ที่เลือกเล่นก็เพราะว่า ทำนอง และเมโลดี้ มันไพเราะ ฟังดูแล้วเคลิ้ม ถึงแม้มันจะไม่มีเนื้อเพลงก็ตามครับ รูปแบบของสเกลที่ใช้เล่นสำหรับเพลงนี้ก็จะเป็นเพนทาโทนิกซะส่วนมากครับ ทั้ง 5 ฟอร์มทั่วคอเลย ใช้ได้ครับ เริ่มจะนอกเรื่องล่ะ กลับฝั่งก่อน : )

มาพูดถึงเจ้ามัลติเอฟเฟค ZOOM G2.1u ตัวนี้กันครับ



เจ้าตัวนี้มีขนาดเล็ก กระทัดรัดดี พกพาสะดวกดีครับ ก็เหมาะสำหรับผู้เล่นงบน้อย หรือผู้ฝึกใหม่น่ะครับ เพราะถ้าซื้อใหม่มือหนึ่งจากตัวแทนจำหน่าย ก็จะอยู่ที่ราคาประมาณ 6,xxx ครับ แต่ถ้าซื้อมือ 2 ราคาก็จะอยู่ที่ประมาณ 3,xxx บาทครับ ในกล่องก็จะมีตัวเอฟเฟค อแดปเตอร์ คู่มือภาษาอังกฤษ แล้วก็แผ่นซีดี Cubase LE 4
มาดูคุณสมบัติมันว่ามีอะไรบ้างกัน จากที่อ่านดูในคู่มือมันก็บอกว่า
Features:
16 amp/stomp modeling
9 effect modules
54 effect types
40 user patch + 40 factory patch
6 bands EQ
USB audio interface เป็นเสมือนการ์จอ external ครับ ใช้ได้ดีเลยทีเดียว
Built-on Expression Pedal มีเพิ่มมาในรุ่นนี้ ง่ายสำหรับการ เพิ่ม-ลด โวลุ่ม และการเล่น wah
Harmonized pitch shifter
World fastest patch change
Built-in PCM drum machine มีจังหวะเสียงกลอง เพิ่ม-ลด tempo ได้ด้วย ถ้าไม่มีวง เล่นคนเดียวก็นี่แหละครับ ตอบโจทย์ได้ในระดับหนึ่ง

ที่ผมเลือกเจ้าตัวนี้ ก็เพราะว่า แต่ก่อนใช้แอมป์กีตาร์ครับ เล่นทีนึงโดนสวดจากข้างบ้านบ่อย เพราะเสียงมันดังครับ ถ้าไม่เปิดดังก็ไม่ได้อารมณ์ครับ (แอบติสซะงั้น) ก็เลยหาเอฟเฟคพวกที่เป็น interface นี่แหละครับ เสียบต่อคอม ตัวนี้ใช้สาย usb ที่ใช้กับเครื่องปริ้นส์ครับ เสียบเข้าช่อง usb ส่วนเรื่องเสียงก็ต่อหูฟังจากตัวเอฟเฟคเลย เพราะเป็น interface ในตัวอยู่แล้ว ทีนี้ก็ไม่ต้องโดนสวดอีกต่อไป ตัวนี้เสียง Distortion เยี่ยมเลยทีเดียว แต่มันจะออกหลอกหูเรา คือถ้าใครที่เคยใช้ แตกก้อน แล้วมาใช้ตัวนี้ ก็จะรู้เลยว่ามันหลอกหูเรา แต่ถ้าไม่คิดอะไรมากก็ใช้ได้ครับ เพราะมีทั้งเสียงdistortion wah, delay, compreser, noise reduction, reverb, และ pedal ด้วย คุ้มครับ

เพลงต้องมาก่อน

ในบล็อกของผมนี้นั้น ผมขอออกตัวเลยว่า จะพูดถึงดนตรีเป็นส่นใหญ่ครับ เพราะว่าตั้งแต่เล็กจนโตนั้น อยู่กับเสียงเพลง เสียงดนตรี ซะมากกว่า ผมชอบฟังเพลงตั้งแต่เด็ก เนื่องจากคุณตาชอบเปิดวิทยุให้ฟัง (ตอนเด็กๆ นอนกับตาและยายครับ จึงซึงซับเรื่อยมา ซึ่งเมื่อก่อนก็ยังไม่รู้หรอกว่า ชอบเพลง ชอบดนตรีขนาดไหน ก้ตามประสาเด็กๆครับ มีอะไรให้เล่นก็เล่นไป อ่า (- -) ขอนอกเรื่องนิดหน่อยนะครับ เท่าที่เห็นมา เป็นความจริงอยู่ไม่น้อยที่เด็กสมัยนี้ หลงไหลไปกับแสงสีและอบายมุข และสิ่งสำคัญคืออยากรู้อยากลอง มันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้น่ะผมว่า เพราะตอนเด็กๆ ก็เติบโตมากับสิ่งที่ดีมาตลอด จนกระทั่งเจอกับเพื่อนฝูงที่ ในยุคสมัยนั้น คิดว่า นี่แหละที่จะต้องทำให้เราเข้าแข็งขึ้น เพราะพวกนี้แหละที่จะอยู่เคียงข้างเราในสนามรบที่ต้องเผชิญในยุคมัธยม ซึ่งก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่สิ่งหนึ่งที่ีพวกเขา ละเลยไปในวามคิดก็คือ การพิจารณาไตราตรองผิดชอบชั่วดี คือพวกเพื่อนพวกนั้น เขาคิดแค่ว่า สิ่งไหนที่ทำให้มีความสุขนั้นเปรียบเสมือนโอกาส เมื่อมาถึงมือเราแล้ว จะปล่อยให้หลุดมือไปได้ยังไง เพราะอย่างน้อย มันคือประสบการณ์ชีวิต ืที่ได้พบได้เจอมา ผมคนหนึ่งแหละ ที่คิดแบบนั้น เพราะไม่มีโอกาสไหนแล้วที่จะเจอเพื่อนที่ดีแบบนี้ แต่สิ่งที่พลาดไปก็คือ สติ "สติ" ที่จะคอยเตือนเราว่า ควรจะไปในทางซ้าย หรือ ขวา หรือควรจะถอยมาตั้งหลักดี ทำให้ต้องเจอกับสิ่งที่ไม่อยากจำมาตลอด เพราะความคึกคะนองในความคิด และ การกระทำ ที่คิดว่า ไม่ไม่ใครเจ๋งเท่าเราอีกแล้ว จนเจอกับสิ่งที่ไม่คาดฝันมาตลอด ที่คิดแบบนั้น ดังนั้น ผมอยากจะบอกว่า สติสำคัญที่สุด ผิดชอบชั่วดี ค่อยว่ากันทีหลัง ตามเหตุผลขอลแต่ละคนไป แต่ในทางที่ดี ควรจะให้อภัยกันเป็นดีที่สุดครับ เมื่อรู้จักให้อภัยกันแล้ว ทุกอย่างจะสงบขึ้นมาก อ่า นอกเรื่องไปมากเลย คือจะบอกว่า ผมชอบ ดนตรีมากๆเป็นชีวิตจิตใจเลยก็ว่าได้ครับ จะฟังตลอดไม่ว่าจะหลับหรือตื่น เพราะแรงบันดาลใจจากตอนเด็ก ถึงแม้ว่าผมจะเล่นดนตรีไม่เก่ง แต่ผมก็ฟังออกว่าเพลงไหนจะไปในทิศทางไหน ดังหรือไม่ดัง (ตามวิจารณญาณของผมครับ เนื่องจากของพวกนี้แปรผันตามที่ค่ายโปรโมท อิอิ) แต่เท่าที่คิดมา ก็มีเพลงดังตามที่คิดไว้พอสมควร ขอไม่บอกแล้วกันครับว่ามีเพลงอะไรบ้าง เด็วโดนสวดยัง เพราะ ไม่ตรงใจคุณผู้อ่าน แต่ก็สำหรับเฉพาะกลุ่มครับที่ผมทำนายถูกทาง ซึ่งในที่นี้ผมจะขอแนะนำ พูดถึง เพลงฮิต เพลงดัง ที่ผมฟัง แล้วสมควรที่จะเผยแพร่ให้กับผู้อ่านได้รับรู้ ว่า เพลงมันมีหลายแนว แล้วแต่คนจะเลือกรับประทานกัน แต่สิ่งสำคัญแล้ว ดนตรีจะปลอบโยนยามเมื่อเรามีความสุข เศร้า เสียใจ มีความทุข หรืออยากระบาย ซึ่งอารมณ์ของแต่ละคนต่างกันก็จะเลือกฟังแนวดนตรีที่ต่างกันออกไป ผมจะแนะนำในสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ท่านผู้อ่านมากที่สด ในสิ่งที่ผมได้พบเจอมา และเอามาเล่าให้ท่านผู้อ่านได้รับรู้กันครับ

วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

จากใจก่อนไปต่อ

สวัสดีท่านผู้อ่านครับ โพสนี้เป็นโพสแรกที่ได้เขียนขึ้นมา ซึ่งก่อนอื่นเลยนั้น อาจจะยังไม่เข้าถึงท่านผู้อ่านได้แพร่หลายนัก ทางผมเอาก็อยากทำบล็อกนี้ขึ้นมาเพื่อที่อยากจะให้ผู้ที่มีความสนใจในสิ่งที่ชอบ ได้มาอ่านดู ซึ่งผมก็อยากจะนำเสนอสิ่งนี้ เผยแพร่ให้กับท่านผู้อ่าน เพื่อให้เป็นทางเลือกอีกทางเลือกหนึ่ง หากชอบหรือสนใจในสิ่งเดียวกัน ก็สามารถพูดคุยกันได้ และหากเกิดเป็นคอเดียวกัน ผมและท่านผู้อ่าน อาจจะได้เพื่อนใหม่เพิ่มอีกคนนึง ซึ่งผมคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีน่ะ ที่เราได้รู้จักกัน หากแต่เดิมมานั้น ผมค่อนข้างที่จะไม่ค่อยพูดเท่าไหร่ แม้แต่คนในครอบครัวยังบอกว่าผมอายที่จะพูด แต่กับคนภายนอกที่รู้จักผมนั้น กลับมองต่างจากคนในครอบครัว พวกเขาบอกว่า ผมพูดมาก สรรหาอะไรมาพูดนักหนา ก็อาจจะเป็นเพราะเหตุผลที่ว่า คอเดียวกันแล้วนั้นไซร้ อะไรก็ฉุดไม่อยู่ แต่ก็จะเป็นอะไรที่แปลกๆมากกว่าที่ผมชอบ บางสิ่งบางอย่างผมก็ชอบต่างจากคนทั่วไป ซึ่งก็หาคนที่ชอบในสิ่งที่ผมสนใจนั้น ค่อนข้างมีน้อย และจากที่ได้ศึกษา มองสิ่งที่คนอื่นชอบแต่เราไม่ชอบมาพอสมควรนั้น ในสิ่งที่ผมไม่ชอบ มันก็มีเสน่ห์บางอย่างที่ทำให้ผมเปลี่ยนใจชอบมันขึ้นมา ผมก็คิดไตร่ตรองดู จนได้ผลลัพท์ออกมา จากการจุดประกายของนักพูด อาจารย์ที่มหาวิทยาลัย หรือแม้แต่ละครหลังข่าวที่บางคนบอกว่า น้ำเน่า ไร้สาระ หากเราตั้งใจดูในเนื้อหาที่ละครต้องการสื่อนั้น ก็จะจับจุดที่เขาต้องการสื่อได้ ซึ่งสิ่งที่สะดุดใจผมนั้น มาจากคำที่ว่า "สิ่งต่างๆมีทั้งดีและไม่ดี จงอย่ามองเพียงผิวเผินแล้วตัดสินว่า สิ่งนั้นดีหรือไม่ดี" หลังจากแล้วนั้นไซร้ ผมก็ฝืนใจลองหันมองสิ่งที่ผมไม่ชอบ ซึ่งพอเมื่อเวลาเปลี่ยนผ่าน ก็ทำให้ผมเห็นข้อดีบางจุด พิจารณาดูแล้วนั้นสิ่งที่ผมไม่ชอบไม่ได้เป็นสิ่งที่เขาจะนำเสนอ หากแต่เป็นส่วนประกอบที่ทำให้คนสนใจมองสิ่งที่เขาจะนำเสนอมากกว่า อมอาจจะมองไม่ลึกพอ แต่หลังจากนี้นั้น ผมคงต้องลองเปลี่ยนแนวคิดเสียใหม่ได้แล้ว ^ ^
         ผมจึงต้องการที่จะสื่อผ่านกับผู้อ่านว่า ข้อความข้างบนนั้น ผมขอแนะนำตัวของผมและบ่งบอกถึงเจตนาที่อยากจะเผยแพร่ในสิ่งที่ผมชอบ แชร์ให้กับทุกคนได้รับรู้ เผื่อจะเจอคอเดียวกัน สนใจในเรื่องเดียวกัน หรือบางท่านอาจจะกำลังค้นหาความคิดเห็น มุมมองแปลกๆ ก็สามารถแชร์มุมมองกันได้ครับ
แนะนำตัวอย่างผิวเผินไปพอสมควร จากนี้ผมจะหาเวลามาเขียนบล็อกนำเสนอสิ่งที่ผมสนใจ สิ่งที่โลกสนใจ เผื่อใครที่จะหาแรงบันดาลใจ อาจจะสะดุดตา สะดุดใจของท่าน หากอ่านผ่านบล็อกนี้ก็เป็นได้ครับ >>> ขอบคุณครับ